หลั่งเร็วนับเป็นปัญหาที่ที่ผู้ชายทั่วโลกต้องเผชิญ ซึ่งสร้างความกังวลใจและลดความมั่นใจของผู้ชายหลายคนจนไม่กล้ามีกิจกรรมทางเพศ หากปล่อยให้เกิดปัญหานี้เป็นเวลานาน อาจกระทบถึงความสัมพันธ์กับคู่นอนที่ย่ำแย่ลงได้ด้วย วันนี้ Gentle Clinic จะพามาทำความรู้จักกับปัญหาดังกล่าวว่า
หลั่งเร็วคืออะไร
เป็นภาวะของการหลั่งน้ำอสุจิที่เร็วเกินกว่าเวลามาตรฐาน สามารถพบได้ในผู้ชายร้อยละ 20-30 ในทุกช่วงกลุ่มอายุ สำหรับผู้ชายไทยจะมีอัตราเฉลี่ยในการถึงจุดสุดยอดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 5-7 นาที แต่หากคุณสอดใส่เพียง 1-2 นาที แล้วถึงจุดสุดยอด โดยที่คุณไม่สามารถควบคุมการหลั่งน้ำอสุจิได้นานพอ หรืออั้นไม่ได้เลย โดยภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ยังไม่ได้สอดใส่หรือขณะสอดใส่ก็ได้เช่นกัน สำหรับภาวะดังกล่าวแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
- หลั่งเร็วมาก (Lifelong Premature Ejaculation) เป็นภาวะที่ผู้ชายหลั่งอสุจิเร็วมากแทบทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ (น้อยกว่าหรือ 1 นาที) เพียงแค่อวัยวะเพศชายสัมผัสกับช่องคลอด หรือขณะสอดใส่
- หลั่งเร็วเป็นบางครั้ง (Acquited Premature Ejaculation) ผู้ป่วยในกลุ่มนี้มีปัญหาทางกายและทางจิตใจ บางรายอาจมีโรคอื่น ๆ ร่วมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาวะความเครียดวิตกกังวลในการมีเพศสัมพันธ์, ปัญหาทางจิตเวช, อวัยวะเพศไม่แข็งตัว, ต่อมลูกหมากอักเสบ, ไทรอยด์เป็นพิษ , ใช้สารเสพติด ฯลฯ ภาวะนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เคยหลั่งอสุจิมาก่อนหน้านี้ อาการนี้จะค่อย ๆ เกิด หรือหลั่งทันทีทั้งนี้คนไข้จำเป็นต้องเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาโรคอื่นร่วมด้วย หาสาเหตุของภาวะดังกล่าว
- หลั่งเร็วบางสถานการณ์ (Natural Variable Premature Ejaculation) เป็นภาวะที่ผู้ชายหลั่งอสุจิเร็วบ้างเพียงบางครั้ง แตกต่างกันตามคู่นอนแต่ละคน
- ชะลอการหลั่งลดลง (Premature Like Ejaculation Dysfunction (Subjective) Premature Ejaculation) พบในผู้ชายที่มี IELT อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือนานกว่าปกติ (ประมาณ 5-25 นาที) แต่สามารถชะลอการหลั่งอสุจิได้น้อยลง ผู้ชายในกลุ่มนี้จะรู้สึกว่าตนหลั่งอสุจิเร็วกว่าปกติขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือจินตนาการก่อนมีเพศสัมพันธ์ว่าจะหลั่งอสุจิเร็ว หรือควบคุมการหลั่งอสุจิไม่ได้ ภาวะนี้ไม่นับว่าเป็น โรคแต่เกิดจากการรับรู้ผิดปกติของผู้ชาย ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด, ระยะเวลาในการหลั่งอสุจิเร็วเกินกว่าจะทำให้คู่นอนถึงจุดสุดยอด การรักษาในกลุ่มนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่ใช้การรักษาทางจิตบำบัด (Psychotherapy) แทน
ข้อเสียจากการหลั่งไว
- สูญเสียความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ อาจมีปัญหากับคู่นอน
- กรณีที่สอดใส่โดยไม่สวมถุงยางอนามัย อาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ง่ายขึ้น เนื่องจากไม่สามารถควบคุมการหลั่งได้
- เสี่ยงต่อการเกิดความวิตกกังวลจนเกิดความเครียดที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา
รักษาอาการหลั่งเร็ว ด้วยวิธีไหนได้บ้าง

1. สวมถุงยางอนามัย
รู้หรือไม่ว่าการสวมถุงยางอนามัยนอกจากจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ยังช่วยลดความรู้สึกขณะสอดใส่ได้มากขึ้นเนื่องจากอวัยวะเพศชายไม่ได้สัมผัสกับช่องคลอดโดยตรง ในปัจจุบันมีผู้ผลิตจำนวนมากวางจำหน่ายถุงยางอนามัยแบบหนาและแบบบาง หากคุณต้องการเสร็จกิจช้า ๆ แนะนำให้เลือกถุงยางอนามัยที่มีความหนามากเป็นพิเศษหรือเลือกถุงยางอนามัยชนิดลดความไวต่อความรู้สึกก็จะช่วยได้ดีทีเดียว
2. Squeeze Method
เป็นเทคนิคชะลอการหลั่งที่ได้ผลดีเลยทีเดียว เพียงแค่คุณใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือบีบโคนหรือหัวองคชาตค้างไว้ประมาณ 3-4 วินาที เพื่อไม่ให้เลือดคั่งและหลั่งน้ำอสุจิออกมา ทั้งนี้คุณจะต้องฝึกเป็นประจำจนเป็นนิสัย ไม่เคลิ้มกับการสอดใส่มากจนลืมใช้วิธีนี้เด็ดขาด เพราะอาจทำให้หลั่งไวได้
3. Start-Stop
เป็นเทคนิคชะลอการหลั่งที่ดีไม่น้อยไปกว่า Squeeze Method เพราะนอกจากจะช่วยให้เรารู้แล้วว่าจะถึงจุดสุดยอดตอนไหนแล้ว ยังเป็นการฝึกชะลอการหลั่งไวไปในตัวด้วย สำหรับวิธีนี้เริ่มจากการช่วยตัวเองเหมือนปกติ แต่เมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้วค่อยหยุดพักประมาณ 30-60 วินาที ทำซ้ำอย่างน้อย 4-5 ครั้ง วิธีนี้สามารถปรับใช้กับการมีเพศสัมพันธ์ได้ด้วยเช่นกัน
4. Butt clenching
หรือการขมิบก้น เป็นเทคนิคชะลอการหลั่งด้วยการบริหารกล้ามเนื้อหูรูดอุ้งเชิงกรานหรือทวารหนักโดยขมิบก้นคล้ายการกลั้นอุจจาระประมาณ 10 วินาทีแล้วค่อยผ่อนลง ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ ประมาณ 15 ครั้ง/วัน ทำซ้ำเป็นประจำทุกครั้งเพื่อการหลั่งที่ช้าลงครับ
5. เลือกท่า Sex ที่ช่วยให้หลั่งช้า
สำหรับท่าที่ช่วยให้หลั่งช้าลงคือ Woman on Top หรือท่าสาวเลี้ยงวัว เป็นท่าที่ฝ่ายหญิงจะอยู่ข้างบนเพื่อควบคุมจังหวะการสอดใส่ให้เป็นไปตามความต้องการของเธอ แต่ทั้งนี้จะต้องระมัดระวังในเรื่องของการทิ้งน้ำหนักตัวเป็นพิเศษนะครับ เพราะหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน อวัยวะเพศชายหลุดออกมาขณะสอดใส่และถูกกระแทกซ้ำด้วยน้ำหนักตัวของฝ่ายหญิงอีกที อาจเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บได้