โรคต่อมลูกหมากโต

ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมาก* ซึ่งอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดโตขึ้นอย่างผิดปกติจนไปเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง จึงส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะลำบากหรือติดขัด และยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาขึ้นจากการต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับปัสสาวะผ่านทางท่อแคบ ๆ เมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการเก็บน้ำปัสสาวะที่ลดลง ทำให้ผู้ป่วยต้องปัสสาวะบ่อย ๆ โรคนี้เป็นโรคที่พบได้เป็นปกติและการเกิดมักจะสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น โดยผู้ชายเมื่อมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ต่อมลูกหมากจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นก้อนโตขึ้น แล้วจะโตขึ้นเรื่อย ๆ ไปตามอายุที่มากขึ้น เมื่อโตมากก็จะเกิดแรงกดต่อท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้มีอาการปัสสาวะลำบาก ซึ่งผู้ป่วยมักจะเริ่มแสดงอาการเมื่อมีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และจะพบอาการผิดปกติได้มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น โดยผู้ชายที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปประมาณ 50% จะเริ่มมีอาการชัดเจน เมื่อถึงอายุ 80 ปี ประมาณ 80-90% จะมีอาการต่อมลูกหมากโต หรืออาจพูดได้ว่ายิ่งอายุมากขึ้นเท่าใด โอกาสที่จะเป็นต่อมลูกหมากโตก็มีมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า ผู้ชายอายุ 55-74 ปี จะมีอาการแสดงของโรคนี้ประมาณ 20% บางคนอาจมีต่อมลูกหมากโตแต่ไม่แสดงอาการก็ได้
สาเหตุของต่อมลูกหมากโต

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อว่า “ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน” (Dihydrotestosterone – DHT) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากซึ่งอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะมีขนาดโตขึ้นและไปเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง จนส่งผลให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้ลำบากหรือติดขัด นอกจากนี้ ต่อมลูกหมากโตยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผนังกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นด้วย เนื่องจากต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อขับน้ำปัสสาวะให้ผ่านทางท่อแคบ ๆ ที่ถูกแรงกดอยู่ และเมื่อผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัวขึ้นก็จะส่งผลต่อความสามารถในการกักเก็บน้ำปัสสาวะที่ลดลง ทำให้ผู้ป่วยต้องปัสสาวะบ่อย ๆ และอาจได้รับการกระตุ้นให้ปวดปัสสาวะขึ้นมาอย่างกะทันหันได้
มีงานการศึกษาวิจัยในกลุ่มคนชาติต่าง ๆ พบว่าอุบัติการณ์ของการเกิดโรคนี้แตกต่างกันไป เช่น ฝรั่งหรือคนทางตะวันตกจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากกันมากกว่าคนเอเชีย ซึ่งอาจมีปัจจัยสำคัญเกี่ยวกับประเภทของอาหารที่รับประทานอยู่ในชีวิตประจำวัน หรือเกี่ยวข้องกับการเป็นประเทศอุตสาหกรรม ที่น่าสนใจคือ เคยมีรายงานว่า คนญี่ปุ่นเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยมากถ้าอยู่ในญี่ปุ่น แต่ถ้าคนญี่ปุ่นอพยพไปอาศัยและเติบโตอยู่ในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากพอ ๆ กับคนอเมริกันหรือฝรั่งผิวขาว นั่นแสดงว่าอาหารน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก
อาการของต่อมลูกหมากโต

ผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่ออกในทันทีหรือค่อยเป็นค่อยไป ต้องออกแรงเบ่งหรือรออยู่นานกว่าจะถ่ายปัสสาวะออกมาได้ ทำให้ใช้เวลาในการถ่ายปัสสาวะนาน ปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ถ่าย ๆ หยุด ๆ หลายครั้ง ปัสสาวะออกเป็นหยด ๆ ในช่วงท้ายของการถ่ายปัสสาวะ ลำปัสสาวะเบี้ยวหรือเล็กลง มีความรู้สึกเหมือนถ่ายปัสสาวะไม่สุด ทำให้อยากปัสสาวะอยู่เรื่อย ๆ และปัสสาวะบ่อยห่างกันไม่ถึง 1-2 ชั่วโมง หลังเข้านอนตอนกลางคืนต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อย ๆ มากกว่า 1-2 ครั้ง ส่วนในเวลากลางวันก็มีอาการปัสสาวะบ่อยเช่นกัน เพียงแต่ผู้ป่วยจะปรับตัวได้จนไม่รู้สึก นอกจากนี้เวลารู้สึกปวดปัสสาวะจะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันที เพราะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ อาการดังกล่าวจะค่อย ๆ เป็นมากและดีขึ้นอย่างช้า ๆ โดยใช้เวลาเป็นแรมปีจนกระทั่งต่อมลูกหมากโตมากและกดท่อปัสสาวะอย่างรุนแรง ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการถ่ายปัสสาวะไม่ออก มีความรู้สึกปวดปัสสาวะ ปวดตึงท้องน้อย และคลำได้ก้อนของกระเพาะปัสสาวะที่มีปัสสาวะคั่งอยู่เต็ม บางครั้งอาการปัสสาวะไม่ออกเฉียบพลันอาจเกิดขึ้นหลังการใช้ยาที่มีฤทธิ์แอนติโคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) เช่น แอนติสปาสโมดิก (Antispasmodics), แอนติฮิสตามีน (Antihistamines), ยาทางจิตประสาท (Transquilizer) เป็นต้น และยาในกลุ่มกระตุ้นประสาทซิมพาเทติก เช่น อะดรีนาลีน (Adrenaline), ซูโดอีเฟดรีน (Pseudoephedrine) เป็นต้น หรืออาจเกิดขึ้นหลังจากการวางยาสลบ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการนอนอยู่นาน ๆ โดยไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกาย
ภาวะแทรกซ้อนของโรคต่อมลูกหมากโต
อาจทำให้เกิดไตวาย ในรายที่เป็นรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อนจากอาการไตวายได้ แต่ในปัจจุบันความรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพค่อนข้างจะแพร่หลายและประชาชนเองก็มีอายุยืนยาวมากขึ้น จึงมีการพูดถึงโรคนี้กันมาก ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้มาพบแพทย์ได้เร็วเมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติ ดังนั้นโอกาสที่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตด้วยไตวายอย่างแต่ก่อนก็มีน้อยลงมาก เกิดการติดเชื้อได้ง่ายจากการถ่ายปัสสาวะออกไม่หมด (มีการคั่งค้าง) เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ กรวยไตอักเสบ อาจทำให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะล้า ผนังกระเพาะปัสสาวะหย่อนยานหรือเป็นถุงโป่งพอง หรือเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ในรายที่มีการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะอยู่นาน อาจทำให้ท่อไตและไตบวม ปกติแล้วอาการของโรคนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศ
การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโต

แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโตได้จากการซักประวัติ สอบถามอาการ ระยะเวลาที่เริ่มมีอาการ ตรวจร่างกายทั่วไป และอาจให้ผู้ป่วยทำแบบทดสอบเกี่ยวกับอาการขับถ่ายปัสสาวะที่ผิดปกติ จากนั้นแพทย์จะทำการตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination – DRE) ซึ่งแพทย์จะสวมถุงมือพร้อมกับใช้สารหล่อลื่น แล้วใช้นิ้วสอดเข้าไปในทวารหนักและกดคลำลงบนต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนักเพื่อดูว่ามีลักษณะโตผิดปกติหรือไม่ หากพบว่ามีลักษณะโตผิวเรียบแสดงว่าเป็นต่อมลูกหมากโต แต่ถ้ามีลักษณะโตแต่ผิวไม่เรียบหรือค่อนข้างแข็งก็น่าสงสัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งแพทย์จะตรวจสารพีเอสเอในเลือด (PSA*) ถ้าพบว่ามีค่าสูงกว่าปกติ แพทย์จะแนะนำให้ตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมาก โดยใช้เข็มเล็ก ๆ ผ่านทางทวารหนัก แล้วนำไปตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์ ตรวจสมรรถภาพการขับถ่ายปัสสาวะ โดยดูจากความแรงของการถ่ายปัสสาวะและจำนวนปัสสาวะที่เหลือค้าง เพื่อวินิจฉัยโรคได้ถูกต้อง แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพรังสีทางเดินปัสสาวะโดยการฉีดสารทึบแสงเข้าทางหลอดเลือดดำ (Intravenous urography – IVU) ซึ่งจะทำให้เห็นตำแหน่งและความรุนแรงของการอุดกลั้นปัสสาวะ, การตรวจอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ผ่านทางทวารหนัก ที่สามารถทำให้เห็นต่อมลูกหมาก ไต และกระเพาะปัสสาวะได้, การใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (Cystoscopy) เพื่อดูต่อมลูกหมาก กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นการตรวจที่ได้ข้อมูลมาก, การตรวจวัดความแรงของปัสสาวะ (Uroflowmetry) เพื่อดูว่าทางเดินปัสสาวะถูกอุดมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น นอกจากนี้แพทย์อาจทำการตรวจปัสสาวะเพื่อดูการติดเชื้อหรือเลือดออก, ตรวจระดับครีอะตินีนในเลือดเพื่อดูภาวะไตวาย, หรือตรวจสารพีเอสเอในเลือด (PSA) เพื่อดูว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ เป็นต้น
วิธีรักษาต่อมลูกหมากโต
สำหรับผู้ชายสูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ถ้ามีอาการผิดปกติในระบบขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะติดขัด ต้องเบ่ง หรือรอนานกว่าจะปัสสาวะออกมาได้ ปัสสาวะไม่ค่อยพุ่ง บางครั้งออกมาเป็นหยด ๆ หรือมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย ๆ อั้นปัสสาวะไม่อยู่ ถ่ายปัสสาวะไม่สุด หรือถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด ก็ควรหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อได้รับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง (ตามปกติแล้วผู้ชายสูงอายุควรไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ซึ่งแพทย์มักจะทำการตรวจต่อมลูกหมากให้ด้วยอยู่แล้ว) ในรายที่เป็นต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มแรก มีอาการไม่มากหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่กวนวิถีชีวิตประจำวันมากจนเกินไป ตรวจดูพบว่าไตของผู้ป่วยยังคงเป็นปกติ ไม่มีอาการติดเชื้อ ไม่มีอาการอักเสบ และแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นมะเร็ง แพทย์ก็จะยังไม่ให้การรักษาใด ๆ เพียงแต่เฝ้าติดตามดูอาการเป็นระยะ ๆ และแนะนำให้ผู้ป่วยใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพให้ดีด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยที่ปัสสาวะบ่อยเพราะดื่มน้ำมาก โดยเฉพาะก่อนเข้านอนก็ควรลดปริมาณการดื่มน้ำให้น้อยลงและให้ปัสสาวะก่อนเข้านอน เพราะกลางคืนจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาบ่อย ๆ และถ้าถ่ายปัสสาวะบ่อยเพราะรีบไปถ่ายเมื่อปวดก็ควรกลั้นไว้จนเกือบทนไม่ไหว โดยปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสมในการขับถ่ายแต่ละครั้งคือประมาณ 1 แก้ว หรือขับถ่ายปัสสาวะให้ห่างกันประมาณ 2 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ เมื่อปวดแล้วก็ควรไปถ่ายปัสสาวะ เพราะกลั้นแล้วจะทำให้เป็นมากขึ้น งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ปัสสาวะออกมาเยอะ อย่านั่งจักรยานหรือทำอะไรที่สะเทือนต่อต่อมลูกหมาก เพราะจะทำให้ปัสสาวะไม่ออก ถ้าเป็นไปได้ควรมีการร่วมเพศบ้าง เพราะเวลาที่มีน้ำเชื้อออกมาจะทำให้ต่อมลูกหมากไม่บวม หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์แอนติโคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) และยาในกลุ่มกระตุ้นประสาทซิมพาเทติก เพราะอาจทำให้ปัสสาวะไม่ออกอย่างเฉียบพลันได้ ควรรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติมากขึ้น

วิธีรักษาต่อมลูกหมากโต
สำหรับผู้ชายสูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ถ้ามีอาการผิดปกติในระบบขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะติดขัด ต้องเบ่ง หรือรอนานกว่าจะปัสสาวะออกมาได้ ปัสสาวะไม่ค่อยพุ่ง บางครั้งออกมาเป็นหยด ๆ หรือมีอาการปวดปัสสาวะบ่อย ๆ อั้นปัสสาวะไม่อยู่ ถ่ายปัสสาวะไม่สุด หรือถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด ก็ควรหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อได้รับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง (ตามปกติแล้วผู้ชายสูงอายุควรไปตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี ซึ่งแพทย์มักจะทำการตรวจต่อมลูกหมากให้ด้วยอยู่แล้ว) ในรายที่เป็นต่อมลูกหมากโตระยะเริ่มแรก มีอาการไม่มากหรือมีอาการเพียงเล็กน้อยและไม่กวนวิถีชีวิตประจำวันมากจนเกินไป ตรวจดูพบว่าไตของผู้ป่วยยังคงเป็นปกติ ไม่มีอาการติดเชื้อ ไม่มีอาการอักเสบ และแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นมะเร็ง แพทย์ก็จะยังไม่ให้การรักษาใด ๆ เพียงแต่เฝ้าติดตามดูอาการเป็นระยะ ๆ และแนะนำให้ผู้ป่วยใส่ใจเรื่องการดูแลสุขภาพให้ดีด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยที่ปัสสาวะบ่อยเพราะดื่มน้ำมาก โดยเฉพาะก่อนเข้านอนก็ควรลดปริมาณการดื่มน้ำให้น้อยลงและให้ปัสสาวะก่อนเข้านอน เพราะกลางคืนจะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาบ่อย ๆ และถ้าถ่ายปัสสาวะบ่อยเพราะรีบไปถ่ายเมื่อปวดก็ควรกลั้นไว้จนเกือบทนไม่ไหว โดยปริมาณปัสสาวะที่เหมาะสมในการขับถ่ายแต่ละครั้งคือประมาณ 1 แก้ว หรือขับถ่ายปัสสาวะให้ห่างกันประมาณ 2 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน ๆ เมื่อปวดแล้วก็ควรไปถ่ายปัสสาวะ เพราะกลั้นแล้วจะทำให้เป็นมากขึ้น งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้ปัสสาวะออกมาเยอะ อย่านั่งจักรยานหรือทำอะไรที่สะเทือนต่อต่อมลูกหมาก เพราะจะทำให้ปัสสาวะไม่ออก ถ้าเป็นไปได้ควรมีการร่วมเพศบ้าง เพราะเวลาที่มีน้ำเชื้อออกมาจะทำให้ต่อมลูกหมากไม่บวม หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีฤทธิ์แอนติโคลิเนอร์จิก (Anticholinergic) และยาในกลุ่มกระตุ้นประสาทซิมพาเทติก เพราะอาจทำให้ปัสสาวะไม่ออกอย่างเฉียบพลันได้ ควรรีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติมากขึ้น
วิธีป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันภาวะการเกิดต่อมลูกหมากโต เพราะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าโรคนี้เกิดจากอะไร แต่ที่ทำได้คือการป้องกันไม่ให้อาการของโรคแย่ลงไปกว่าเดิม สรุป โรคต่อมลูกหมากโตเป็นภาวะไม่รุนแรงและมีทางรักษาให้หายได้ หากมีอาการเล็กน้อย แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยไม่ต้องใช้ยา ถ้ามีอาการมากขึ้นแพทย์จะแนะนำให้กินยาเพื่อช่วยให้ถ่ายปัสสาวะได้คล่องขึ้น แต่ถ้าใช้ยาไม่ได้ผล ปัสสาวะไม่ออก หรือมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี โรคนี้ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษาก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรงได้ ดังนั้นผู้ชายที่สูงอายุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี หรือเมื่อมีอาการปัสสาวะผิดปกติก็ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและรักษาได้อย่างมีประสิทธิผลสูงสุด และที่สำคัญก็คืออย่าหลงเชื่อคำโฆษณาที่บอกว่ามียารักษาโรคนี้ได้หายเด็ดขาด หรือโฆษณาว่าวิธีนั้นวิธีนี้ดีที่สุด
ปรึกษาสุขภาพ : 021 752 666
ที่ตั้ง : บ้านเขาย้อย อำเภอศรีสัตตนาค
นครหลวงเวียงจันทน์ (ใกล้วัดศรีเมือง)
นัดหมายออนไลน์ ลงทะเบียนฟรี รับสิทธิพิเศษในการดูแล