หากพูดถึงอัณฑะอักเสบ หลายคนอาจรู้อยู่แล้วว่าเป็นภาวะอันตรายต่อสุขภาพน้องชายโดยตรง ไม่ว่าจะอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ รวมไปถึงอาการเจ็บปวดขณะใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่ใช่น้อย ถ้าเกิดขึ้นมากับผู้ชายอย่างเราเมื่อไหร่ อันตรายแน่นอน แต่รู้มั้ยครับว่าภาวะนี้สามาร ป้องกันได้ ด้วยการดูแลน้องชายอย่างถูกวิธี ว่าแต่ภาวะนี้เกิดจากอะไร ต้องทำอย่างไรถึงจะเรียกว่าดูแลถูกวิธี วันนี้เราจะมาแนะนำกันครับ
อัณฑะอักเสบ คืออะไร

เป็นภาวะอักเสบของอัณฑะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส โดยเชื้อจะแพร่กระจายไปยังเลือดและก่อให้เกิดการติดเชื้อบริเวณท่อนำอสุจิ ส่งผลให้อัณฑะทั้ง 2 ข้าง เกิดการอักเสบ แม้ว่าจะแสดงอาการชัดเจนเพียงแค่ข้างเดียวก็ตาม ภาวะดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงผู้สูงวัย แม้ว่าจะไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่มีความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิด มีดังต่อไปนี้
- การรักษาความสะอาดอย่างผิดวิธี ส่งผลให้มีเชื้อโรคสะสมอยู่ตามหนังหุ้มปลาย และเกิดการอักเสบของอัณฑะอันเนื่องมาจากติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ
- การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนคางทูม (อัณฑะปวดบวม อักเสบ เป็นผลข้างเคียงของโรคคางทูม)
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะมาตั้งแต่กำเนิด
- ผู้ที่มีปัญหาต่อมลูกหมากโตหรือท่อปัสสาวะตีบ
- ผู้ที่ใช้สายสวนปัสสาวะเป็นประจำ
อาการของอัณฑะอักเสบ

- ปวดบวมอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง บางรายอาจปวดทั้งสองข้าง สังเกตได้จากสีของอัณฑะที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงหรือสีม่วง
- รู้สึกหนักอัณฑะ
- ปวดขาหนีบ
- รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- อาการเจ็บอัณฑะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ทุเลาลงเลย
- มีไข้ ไม่สบาย อ่อนเพลีย
- น้ำอสุจิเปลี่ยนเป็นสีชมพู หากรุนแรงอาจเป็นสีแดง เนื่องจากมีเลือดปนอยู่
- น้ำเหลืองไหลออกมาจากบริเวณขาหนีบที่บวมขึ้น
กรณีที่เป็นอัณฑะปวดบวม อักเสบเรื้อรัง จะมีอาการเพิ่มขึ้นมา ดังนี้
- มีอาการไม่หายขาด เป็น ๆ หาย ๆ อย่างน้อย 6 สัปดาห์
- แม้ว่าอัณฑะจะไม่บวมมาก แต่กลับมีลักษณะแข็งเป็นก้อนมากขึ้น
- มีไข้ ปวดร้าวตามตัว หากการอักเสบเกิดจากโรคคางทูม
- อัณฑะฝ่อ ขนาดอัณฑะหดตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
- ส่งผลให้เป็นหมัน เนื่องจากอัณฑะเกิดการอักเสบและทำให้ผลิตฮอร์โมนเพศชายน้อยลง
อัณฑะอักเสบ หายเองได้ไหม

แม้ว่าจะเป็นโรคที่สร้างความลำบากในการใช้ชีวิต บวกกับเป็นโรคที่เกิดตรงน้องชาย ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวต่อสัมผัสต่าง ๆ ง่าย จึงเจ็บมากกว่าส่วนอื่นของร่างกาย แต่ภาวะนี้สามารถรักษาให้หายได้ เพียงแค่คุณจะต้องดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี โดยวิธีดังต่อไปนี้
1.เข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว
หากสังเกตอาการแล้วพบว่าเข้าข่ายอัณฑะบวมหรืออักเสบ แนะนำให้รีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำและทานยาตามแพทย์สั่งจนกว่าอาการจะดีขึ้น
2.ประคบน้ำแข็งบรรเทาอาการปวดบวม
การประคบด้วยน้ำแข็ง หรือการประคบเย็นจะช่วยลดอาการฟกช้ำได้ดี ยิ่งทำในช่วง 48-72 ชั่วโมง หลังเกิดอาการบวม ก็จะยิ่งช่วยให้หายไวขึ้น เนื่องจากการประคบเย็นจะช่วยให้เส้นเลือดหดตัวและช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำกลับเข้าสู่หลอดเลือด ส่งผลให้อาการบวมยุบตัวลง กรณีที่คุณไม่มีอุปกรณ์ประคบเย็นอย่างถุงน้ำแข็ง ถุงเย็น และผ้าเย็น แนะนำให้ซื้อมาสก์เย็นหรือเจลเย็นตามร้านขายยาทั่วไปก็จะช่วยได้เยอะ ทั้งนี้ควรประคบเย็นครั้งละประมาณ 15-20 นาทีก็พอเพียงแล้ว
3. งดการออกแรงที่อาจส่งผลไปยังอัณฑะ
เนื่องจากการยกของหนักหรือการออกกำลังกายจะต้องใช้แรงเบ่งและเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณต้นขา ส่งผลให้อาการปวดอัณฑะรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนกล้ามเนื้อส่วนนั้นฉีกขาดและเป็นอันตรายต่อน้องชายมากยิ่งขึ้น ทางที่ดีควรงดการออกกำลังกายหรือยกของหนักไปก่อน จนกว่าอาการจะดีขึ้น
4.ป้องกันทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
แม้ว่าอาการปวดอัณฑะดีขึ้นหรือหายสนิทแล้วก็ตาม แต่อย่าลืมป้องกันทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วยการสวมถุงยางอนามัย เนื่องจากเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคู่นอนของเรามีความเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่
5.ดูแลความสะอาดของน้องชายอย่างถูกวิธี
หลายคนอาจคิดว่าการทำความสะอาดน้องชายก็เหมือนส่วนอื่นของร่างกาย แต่ความเป็นจริงแล้วคุณควรระมัดระวังในการทำความสะอาดมากกว่าจุดอื่น เนื่องจากน้องชายของคุณเป็นจุดบอบบาง ไวต่อการสัมผัส และมีเงื่อนไขในการดูแลมากกว่าจุดอื่น ทั้งนี้คุณสามารถทำความสะอาดได้ด้วยการราดน้ำลงตัวแล้วปล่อยให้น้ำไหลมายังน้องชาย เปิดหนังหุ้มปลายออกจนสุดเพื่อทำความสะอาดหัวองคชาต ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรีย และในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะวางจำหน่ายมากมาย ซึ่งจะช่วยให้คุณทำความสะอาดน้องชายได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าการใช้สบู่ทั่วไปที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
6.การขลิบไร้เลือด
กรณีที่คุณไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดได้ อันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพอย่างโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคไลเคน พลานัส (Lichen planus), ได้รับอุบัติเหตุบริเวณน้องชาย หรือมีอายุเพิ่มขึ้นจนไม่สามารถเปิดหนังหุ้มปลายได้เหมือนเมื่อก่อน การขลิบไร้เลือดถือเป็นวิธีการรักษาปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณเปิดหนังหุ้มปลายออกมาทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสุขในการมีเพศสัมพันธ์มากยิ่งขึ้นด้วย
ปรึกษาสุขภาพ : 021 752 666
ที่ตั้ง : บ้านเขาย้อย อำเภอศรีสัตตนาค
นครหลวงเวียงจันทน์ (ใกล้วัดศรีเมือง)
นัดหมายออนไลน์ ลงทะเบียนฟรี รับสิทธิพิเศษในการดูแล