ปีกมดลูกอักเสบ คือ การติดเชื้อแบคทีเรียของอวัยวะสืบพันธุ์บริเวณท่อนำไข่ และรังไข่จนเกิดการอักเสบ สามารถเกิดได้กับปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างหรือข้างใดข้างหนึ่ง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลัน จะมีการบวมแดงของปีกมดลูก และปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นอันตราย หากไม่รักษาอาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆในระบบสืบพันธุ์
ปีกมดลูกอักเสบเกิดจากอะไร
- 1. การติดเชื้อแบคทีเรียจากการมีเพศสัมพันธ์ เช่น ติดเชื้อหนองในแท้ และหนองในเทียม
- 2. การคลอดบุตร
- 3. การแท้งบุตร
- 4. การติดเชื้อในโพรงมดลูกจากหัตถการทางนรีเวช เช่น การขูดมดลูก การใส่ห่วงอนามัย
- 5. การสวนล้างช่องคลอดบ่อยจนเกินไป เป็นสาเหตุที่ทำให้เพิ่มเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
- 6. การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาการปีกมดลูกอักเสบ
- 1. ปวดท้อง หรือปวดท้องน้อย ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ หรืออยู่ในช่วงตกไข่ มีประจำเดือน
- 2. มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
- 3. มีอาการตกขาว ที่สี และกลิ่นผิดปกติ
- 4. มีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย
- 5. มีอาการปัสสาวะลำบาก
- 6. มีหนองในท่อนำไข่หรือรังไข่ ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
การวินิจฉัยปีกมดลูกอักเสบ
- 1. การตรวจภายใน เพื่อดูความผิดปกติจากอาการตกขาว และอาการบวมของปีกมดลูก
- 2. การตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้อง โดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงแสดงภาพบริเวณปีกมดลูกและอวัยวะในอุ้งเชิงกราน เพื่อตรวจหาความผิดปกติ
- 3. การเก็บตัวอย่างจากเยื่อบุมดลูก โดยการใช้เครื่องมือสอดผ่าน และถ่างช่องคลอด จากนั้นจะป้ายเซลล์จากมดลูก เพื่อนำตัวอย่างเซลล์มาเพาะเชื้อ และตรวจหาชนิดของแบคทีเรียในห้องปฏิบัติการ
การรักษาปีกมดลูกอักเสบ
การรักษาปีกมดลูกอักเสบแบบทั่วไป
- 1. ให้ยาแก้ปวด หรือยาลดไข้
- 2. บรรเทาอาการปวดท้อง โดยการใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณหน้าท้อง
การรักษาปีกมดลูกอักเสบด้วยยา
- เบื้องต้นแพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน หรือฉีดยาให้กับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงมาก แต่ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีก้อนหนองที่ปีกมดลูก ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ และให้ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล
การรักษาปีกมดลูกอักเสบด้วยการผ่าตัด
- แพทย์จะทำการผ่าตัดส่องกล้องในผู้ป่วยมีอาการรุนแรง โดยการผ่าตัดนำหนองบริเวณปีกมดลูกออก ป้องกันการเกิดฝี บางกรณีแพทย์จะทำการตัดท่อนำไข่บางส่วนออก

การป้องกันปีกมดลูกอักเสบ
- 1. ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- 2. ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอน หรือสำส่อนทางเพศ
- 3. เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- 4. หากมีอาการที่ผิดปกติ เช่น การตกขาว หรือเลือดออกทางช่องคลอด ควรรีบมาพบแพทย์
ปีกมดลูกอักเสบเป็นส่วนหนึ่งของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ สามารถรักษาหายได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่ถ้ารักษาผิดวิธี หรือรักษาช้าเกินไป สามารถเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งมาจากการที่เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปยังท่อนำไข่ ดังนั้นหากมีอาการที่ผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์โดยทันที
