หากตั้งคำถามว่าโรคใดที่ป่วยแล้วกระทบกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรามากที่สุด เชื่อว่าต้องมี ‘ริดสีดวงทวาร’ รวมอยู่ในนั้น เพราะเมื่อเป็นแล้วนอกจากความเจ็บปวดทรมานที่ต้องพบเจอ ยังทำให้คุณภาพชีวิตถดถอย ไม่สะดวกสบาย อีกทั้งหลายคนกลัวการรักษาและอายที่จะมาพบแพทย์ ทำให้การดำเนินโรคเข้าสู่ระยะอันตรายจนแก้ไขได้ยาก แต่แท้ที่จริงแล้วริดสีดวงสามารถรักษาให้หายขาดได้ ก่อนโรคจะลุกลามจนคุกคามการใช้ชีวิต ดังนั้น เรามาดูสาเหตุ อาการสัญญาณเตือนไว้คอยตรวจเช็กตัวเอง รวมถึงการดูแลตัวเองเบื้องต้นและแนวทางการรักษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเรากัน
รู้จักริดสีดวงทวาร คืออะไร
ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) เป็นภาวะที่เนื้อเยื่อบริเวณปลายทวารหนักซึ่งประกอบด้วยหลอดเลือด ซึ่งทำหน้าที่ในการยืดหยุ่น รองรับการเสียดสีและขยายตัวของทวารหนักเวลาขับถ่าย อีกทั้งช่วยให้รูทวารหนักปิดสนิทนั้น มีการเคลื่อนตัวต่ำลงจากตำแหน่งปกติ อาจมีการบวมหรือโป่งพองหลังขับถ่าย ส่งผลให้มีเลือดออกขณะขับถ่ายหรือมีก้อนยื่นที่บริเวณปากทวารหนัก โดยไม่สามารถยุบตัวลงหรือหดกลับเข้าไปได้ดังเดิม สร้างความเจ็บปวดทรมานให้กับผู้ที่เผชิญภาวะนี้เป็นอย่างมาก มากกว่านั้นริดสีดวงทวารยังสามารถเป็นได้หลายอันและหลายตำแหน่งด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือริดสีดวงภายในและภายนอก
- ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) เกิดจากเนื้อเยื่อภายในทวารหนักซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าหูรูดทวารหนักเกิดการโป่งพอง อาจไม่โผล่หรือยื่นออกมาให้เห็น ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถคลำได้ ซึ่งจะตรวจพบก็ต่อเมื่อส่องกล้องเท่านั้น อีกทั้งไม่ส่งผลให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีเส้นประสาทที่รับความรู้สึกน้อยมาก ปัจจุบันแนะนำให้ผ่าตัดตั้งแต่ระยะ 3 ขึ้นไป โดยริดสีดวงชนิดนี้สามารถแบ่งได้ 4 ระยะ ตามระดับความรุนแรงของโรค ดังนี้
ระยะที่ 1 : อาจมีก้อนขนาดเล็กอยู่ภายในรูทวารหนักแต่ไม่ยื่นออกมา
ระยะที่ 2 : พบหัวริดสีดวงที่ยื่นพ้นปากทวารหนักขณะขับถ่ายและสามารถหดกลับเข้าไปได้เอง
ระยะที่ 3 : หัวริดสีดวงยื่นพ้นปากทวารหนักขณะขับถ่ายและต้องใช้นิ้วมือดันกลับเข้าไป
ระยะที่ 4 : หัวริดสีดวงที่ยื่นออกมาตลอดเวลาไม่สามารถดันกลับเข้าที่ได้ มีการอักเสบ บวม อาจมีภาวะการเกิดลิ่มเลือดเฉียบพลัน (เลือดคั่ง) ทำให้เจ็บปวดจนไม่สามารถนั่งได้
- ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids) จะพบก้อนเนื้ออยู่ที่ปากทวารหนักบริเวณทวารหนักส่วนล่างซึ่งไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ อาจเกิดจากการเบ่งถ่ายอุจจาระรุนแรงจนทำให้เส้นเลือดดำบริเวณปากทวารหนักเกิดการแตก เป็นก้อนแข็ง และมีอาการเจ็บร่วมด้วย ส่วนจะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและขนาดของก้อนเนื้อ อย่างไรก็ตาม ริดสีดวงชนิดภายนอกนี้ไม่มีข้อบ่งชี้ในการผ่าตัดหากไม่มีอาการปวดหรือมีเลือดออก มักไม่สามารถรักษาให้หายขาดและสามารถกลับมาเป็นอีกได้
สาเหตุที่ทำให้เกิด “ริดสีดวงทวาร”
- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง
- ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระบ่อย
- เบ่งถ่ายอุจจาระเป็นประจำ
- มีพฤติกรรมนั่งเล่นมือถือ อ่านหนังสือขณะขับถ่ายทำให้ใช้เวลานาน
- ใช้ยาสวน หรือยาระบายเป็นประจำ
- ชอบรับประทานเนื้อสัตว์ อาหารรสจัด ดื่มน้ำน้อย
- การตั้งครรภ์ เพิ่มความดันในช่องท้องทำให้ขับถ่ายอุจจาระไม่สะดวก
- ภาวะโรคตับแข็ง ทำให้เลือดดำไหลเข้าตับไม่ได้ เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักจึงเกิดอาการโป่งพอง
- อายุมากขึ้น กล้ามเนื้อหย่อนยานลงจนทำให้เบาะรองเลื่อนจนยื่นออกมาจากทวารหนัก
นอกจากนี้ หากมีประวัติสมาชิกในครอบครัวเคยเป็นริดสีดวงทวารหนัก ย่อมมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงกว่าปกติ
สัญญาณเตือนที่ควรฉุกคิด… ริดสีดวงทวาร

- มีเลือดออกขณะขับถ่ายแต่ไม่มีอาการเจ็บปวด
- มีติ่งเนื้อหรือหัวริดสีดวงโผล่ออกมาจากรูทวารหนัก แต่ยุบลงเมื่ออุจจาระเสร็จ
- ติ่งเนื้อหรือหัวริดสีดวงยังคงอยู่ที่ทวารหนักเมื่อขับถ่ายเสร็จ
- ติ่งเนื้อหรือก้อนไม่ยุบหายแม้ใช้นิ้วมือดัน และมีอาการเจ็บปวด บางคนอาจมีอาการคันรอบปากทวารหนักร่วมด้วย
ทั้งนี้สำหรับผู้ป่วยสูงอายุเมื่อมีอาการถ่ายเป็นเลือดต้องนึกถึงสาเหตุอื่นๆ ร่วมด้วย เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการของโรค มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือมะเร็งทวารหนัก ดังนั้นจึงควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด
การดูแลตัวเองเบื้องต้นหากเป็นริดสีดวงทวาร
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม และลูกพรุนซึ่งมีน้ำตาลซอร์บิทอลตามธรรมชาติและมีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ จึงช่วยปรับสมดุลทำให้ระบบลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น แก้ปัญหาท้องผูกและช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ขับถ่ายได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงอาหารสจัดรวมถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะจะยิ่งกระตุ้นการอักเสบของริดสีดวงที่เป็นอยู่
- ดื่มน้ำให้มากขึ้น ปริมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน (8-10 แก้ว) เพื่อให้สามารถขับถ่ายได้ง่าย
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่าย ควรเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดหรืออยากถ่ายเท่านั้น และไม่ควรนั่งถ่ายนานๆ เพื่อเบ่งอุจจาระ อ่านหนังสือหรือเล่นมือถือขณะขับถ่าย
- ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้นหรือเบ่งถ่ายอุจจาระ
- เมื่อปัสสาวะหรืออุจจาระเสร็จ ควรล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำสะอาด ใช้สบู่เด็กอ่อนและหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระเพื่อลดการระคายเคือง อาการบวมของริดสีดวงที่กำลังอักเสบอยู่
- แช่น้ำอุ่นประมาณ 10-15 นาที เพื่อลดการอักเสบและช่วยให้กล้ามเนื้อหูรูดคลายตัว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
แนวทางการรักษาริดสีดวง
1. การใช้ยาเหน็บ
วิธีการรักษาวิธีนี้มักใช้เพื่อลดอาการอักเสบในผู้ป่วยที่เป็นริดสีดวงทวาร ซึ่งยาจะออกฤทธิ์และให้ผลรักษาเฉพาะที่ ผู้ป่วยสามารถสอดยาเหน็บที่รูทวารหนักด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาควรศึกษาวิธีการใช้อย่างละเอียด และควรล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
2. การรัดยาง
อีกหนึ่งวิธีการรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีก้อนริดสีดวงย้อยออกมาและมีขนาดเหมาะสมในการรัด โดยแพทย์จะใช้ยางที่มีความยืดหยุ่นชนิดพิเศษรัดบริเวณฐานของก้อนริดสีดวงทวาร ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่ก้อนริดสีดวงได้ เพื่อทำให้หัวริดสีดวงฝ่อและหลุดออกมาเองตามธรรมชาติ

3. การผ่าตัด
เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาริดสีดวง ซึ่งโดยส่วนมากแพทย์มักจะใช้กับริดสีดวงตั้งแต่ระยะที่ 3 โดยแพทย์จะให้ยาสลบหรือทำการบล็อกหลังโดยฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง ภายหลังการผ่าตัดแล้วเสร็จผู้ป่วยจะมีอาการปวดเจ็บบ้างเล็กน้อย ซึ่งสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้และใช้เวลาในการพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 1-3 วัน
หมดปัญหาริดสีดวงกวนใจกับโปรแกรมผ่าตัดริดสีดวงแบบบล็อกหลัง พร้อมบริการห้องพักฟื้น 2 วัน 1 คืน ในโปรโมชันราคาพิเศษ เป็นโปรแกรมการรักษาริดสีดวงแบบผ่าตัดโดยใช้ยาฉีดบล็อกหลังฉีดเข้าที่ไขสันหลัง ซึ่งดูแลโดยศัลยแพทย์และพยาบาลวิชาชีพ พร้อมเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย ที่จะช่วยให้ผ่าแผลตัดหายเร็วและสามารถฟื้นตัวได้ไว สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก โปรแกรมผ่าตัดริดสีดวงทวารแบบบล็อกหลัง 2 วัน 1 คืน
4. เลเซอร์
เป็นเทคนิคการรักษาริดสีดวงแนวทางใหม่ โดยแพทย์จะใช้หัวเลเซอร์จี้ทำลายเส้นเลือดที่มาเลี้ยงติ่งเนื้อริดสีดวง ทำให้ริดสีดวงค่อยๆ ลดขนาดลงจนฝ่อไปเองซึ่งข้อดีคือผู้ป่วยจะไม่มีแผลผ่าตัด เจ็บตัวน้อยและใช้เวลาพักฟื้นน้อยเพียง 1 – 2 วันแต่หลังเข้ารับการรักษาด้วยเลเซอร์ ควรแช่น้ำอุ่นประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการปวด ป้องกันการติดเชื้อ และทำให้ริดสีดวงลดขนาดลงและยุบเร็วขึ้นอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าริดสีดวงทวารเป็นอีกหนึ่งโรคใกล้ตัวที่สามารถเกิดได้จากพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวันของเรา ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีระยะยาว รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณเตือนที่ไม่ควรนิ่งนอนใจหรือความผิดปกติจากการขับถ่ายอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หากสงสัยว่าเป็นโรคริดสีดวงทวารควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้โรคดำเนินไปจนถึงภาวะรุนแรงที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม ริดสีดวงสามารถเกิดเป็นซ้ำได้อีกถ้ามีสิ่งกระตุ้น
☎️ ปรึกษาสุขภาพ : 021 752 666
📍 ที่ตั้ง : บ้านเขาย้อย อำเภอศรีสัตตนาค
นครหลวงเวียงจันทน์ (ใกล้วัดศรีเมือง)
💡 นัดหมายออนไลน์ ลงทะเบียนฟรี รับสิทธิพิเศษในการดูแล