ถ่ายเป็นเลือดเกิดจากอะไร เมื่อไหร่ควรรีบพบแพทย์

  • ถ่ายเป็นเลือดเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ทางเดินอาหาร ลำไส้ใหญ่ ริดสีดวงทวาร
  • หากถ่ายเป็นเลือดจากอาการท้องผูกอาการอาจหายเองได้ 
  • ถ่ายเป็นเลือดเป็น ๆ หาย ๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติม

ถ่ายเป็นเลือด คืออาการที่ผู้ป่วยขับถ่ายเป็นเลือด อุจจาระมีเลือดปนเล็กน้อย หรือ ถ่ายเป็นมูกเลือด เมื่อพบว่าถ่ายมีเลือดปนหรือมีเลือดหยดออกมาทางทวารหนักจากการถ่ายอุจจาระตามปกตินั่นแสดงว่าเกิดความผิดปกติขึ้นกับร่างกาย แน่นอนว่าความผิดปกติที่กล่าวมานี้เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหารที่อาจบ่งบอกว่าอวัยวะสำคัญ ๆ อย่างกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก หรืออวัยวะอื่น ๆ กำลังมีปัญหาควรรีบปรึกษาแพทย์

อาการถ่ายเป็นเลือดที่อาจสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่าเป็นลักษณะอาการที่มีเลือดสีแดงสดหรือสีเข้มออกมาจากทวารหนัก หรือถ่ายอุจจาระมีเลือดปนในอุจจาระ มีเลือดเคลือบอุจจาระอยู่ มีลิ่มเลือดปนอยู่ หรือถ่ายแล้วมีเลือดออกตามมา

การถ่ายเป็นเลือดอาจเป็นการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยไปจนถึงสัญญาณอันตรายของปัญหาสุขภาพที่สำคัญ โดยความรุนแรงของโรคสามารถดูได้จากปริมาณของเลือดที่ถ่ายออกมา ระยะเวลาและจำนวนครั้งที่ถ่ายเป็นเลือด ซึ่งผู้ที่มีเลือดออกมากอาจมีโอกาสเกิดโรคมากกว่า อาการถ่ายเป็นเลือดเป็นจุดเริ่มต้นของโรคอันตรายต่าง ๆ เบื้องต้นให้คนไข้สังเกตสีของอุจจาระของตัวเองทุกวันว่ามีความผิดปกติหรือเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หากมีภาวะอุจจาระปนเลือด ควรหมั่นสังเกตตนเองเพื่อประเมินลักษณะอาการและข้อบ่งชี้เกี่ยวกับโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

อุจจาระเป็นเลือดอาจเป็นอาการของริดสีดวงทวารได้ โดยอาการของโรคคือผู้ป่วยจะมีอาการปวด เจ็บ ระคายเคืองและเวลาอุจจาระ แล้วมีเลือดออกบริเวณใกล้ ๆ รูทวาร อาจพบว่ามีเห็นก้อนเนื้อหรือตุ่มริดสีดวงโผล่ออกมาที่ทวารหนัก อาการนี้มักพบในคนที่มีอาการท้องผูกหรือท้องเสียบ่อยทำให้มีการเบ่งอุจจาระเป็นประจำ

หากเป็นอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบ จะพบว่ามีอาการถ่ายเป็นเลือดหรือถ่ายเป็นมูกเลือดปนมากับอุจจาระและมักมีลักษณะของอุจจาระเหลวถ่ายเป็นน้ำ ถ่ายบ่อยครั้งจนทำให้เกิดความอ่อนเพลีย โดยอาจมีอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดร่วมด้วย เช่น รู้สึกปวดท้องและไม่สบายตัว มีไข้ หากเป็นระยะเวลานานจะส่งผลให้ความอยากอาหารลดลงและน้ำหนักลดลงอย่างผิดปกติได้

การถ่ายออกมาเป็นเลือดอาจเกิดจากความผิดปกติของทางเดินอาหารส่วนต้น เช่น แผลในกระเพาะอาหาร โดยจะมีอาการถ่ายเป็นเลือด ถ่ายเป็นสีดำ

หากมีอาการถ่ายเป็นเลือดสด อาจมีอาการเลือดออกบริเวณลำไส้ใหญ่ ซึ่งอาจไม่มีอาการของโรคดังกล่าวชัดเจน แต่อาจมีอาการอื่น ๆ ที่พบได้ เช่น อ่อนเพลีย หน้ามืด เหนื่อยง่าย เป็นต้น มักเกิดในผู้สูงอายุ 

อย่างไรก็ตามนอกจากนี้ปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นแล้วอาการถ่ายเป็นเลือดนั้นอาจเป็น ผลข้างเคียงจากคีโม ได้เช่นกันซึ่งเกิดขึ้นจากการที่ปริมาณเกล็ดเลือดของผู้ป่วยต่ำลงจึงทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้นในช่วงหลังรับคีโม 2 สัปดาห์แรก

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดปริมาณมากหรือเป็นระยะเวลาติดต่อกันและมีอาการหลายครั้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการรักษาที่ต้นตอสาเหตุ เพื่อให้การทำงานของอวัยวะในระบบทางเดินอาหารกลับมาทำงานเป็นปกติและเพื่อป้องกันอันตรายของโรคที่อาจมีข้อบ่งชี้จากอาการถ่ายเป็นเลือด ผู้ป่วยจึงควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที

อาการอุจจาระมีเลือดนั้นเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้วแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของการถ่ายเป็นเลือดแล้วจึงวางแผนการรักษา เช่น การตรวจร่างกาย เจาะเลือด ตรวจอุจจาระเพื่อค้นหาสาเหตุ หรือ อาจจำเป็นต้องส่องกล้องทางเดินอาหาร และลำไส้ตามการวินิจฉัยของแพทย์ เพื่อจะได้ทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

ถ่ายเป็นเลือด รักษายังไง? บ่อยครั้งที่อาการถ่ายมีเลือดปนเล็กน้อยนั้นไม่ใช่อาการอันตรายและอาจหายเองได้ ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเกิดจากท้องผูก แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่ถ่ายเป็นเลือดรุนแรงกว่านั้นวิธีรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการซึ่งควรปรึกษาแพทย์อีกครั้ง เมื่อถ่ายเป็นเลือด ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยการรับประทานอาหารที่มีกากใยช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารเพื่อบรรเทาอาการท้องผูก และออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง 

หากผู้ป่วยมีอาการอุจจาระมีเลือดปนมากผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้อง การถ่ายเป็นเลือดวิธีรักษาเบื้องต้นจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการเกิดอาการถ่ายเป็นเลือดของแต่ละบุคคล เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ ยาระงับกรดในกระเพาะอาหาร หรือยาต้านการอักเสบ หรือในบางกรณีอาจจะต้องมีการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการตามสาเหตุอย่างเหมาะสมร่วมกับการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ

การป้องกันการถ่ายเป็นเลือดนั้น เบื้องต้นสามารถทำได้โดยการดูแลรักษาอวัยวะระบบย่อยอาหารให้แข็งแรงและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยวิธีการดังนี้

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนปริมาณที่เหมาะสมและอาหารมีกากใย เช่น ผักและผลไม้ อย่างมะละกอหรือกล้วย เพื่อป้องกันอาการท้องผูกซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดแผลในทวารหนักและโรคริดสีดวง 
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสจัดเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในระบบย่อยอาหาร 
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับร่างกาย 
  • ขับถ่ายเป็นเวลาทุกวัน
  • ไม่กลั้นอุจจาระจนติดเป็นนิสัยเพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการท้องผูกและการทำงานที่ผิดปกติของลำไส้ในระยะยาว

☎️ ปรึกษาสุขภาพ : 021 752 666

📍 ที่ตั้ง : บ้านเขาย้อย อำเภอศรีสัตตนาค

นครหลวงเวียงจันทน์ (ใกล้วัดศรีเมือง)

💡 นัดหมายออนไลน์ ลงทะเบียนฟรี รับสิทธิพิเศษในการดูแล

ແຊລ໌ບົດຄວາມນີ້

About the Author

You may also like these