
อาการโรคแพ้ภูมิตัวเอง
- อาการทั่วไปเบื้องต้น อาการนี้เป็นอาการเบื้องต้นที่เราสามารถสังเกตได้เช่น ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ผอมลง รวมทั้งมีอาการปวดศีรษะบ่อยๆ นี่คือสัญญาณเตือนของโรคข้างต้น
- อาการทางเดินอาหาร ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และปวดท้องร่วมด้วย โดยผู้ป่วยที่เป็นเพศหญิงหลายคนมักจะเข้าใจผิดว่าเป็นอาการแพ้ท้อง
- อาการทางผิวหนัง โรคแพ้ภูมิตัวเอง อาการ ส่วนใหญ่มักจะแสดงออกทางผิวหนัง โดยจะสังเกตเห็นว่าบริเวณผิวหนังมีผื่นแดงขึ้น ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าแพ้น้ำ แพ้อากาศ แพ้เครื่องสำอาง บางคนอาจมีอาการผมร่วงร่วมด้วย
- อาการทางข้อ และกล้ามเนื้อ สำหรับอาการนี้ผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว อาจจะดูยากหน่อย เพราะเมื่อออกกำลังกายจะทำให้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบบ่อยๆ แต่สิ่งที่สามารถสังเกตได้นั่นก็คือมีอาการปวดข้อร่วมด้วย ทั้งนี้หากมีอาการบวมแดง และปวดข้อไม่ว่าจะเป็นข้อเข่า ข้อเท้า ข้อมือ ควรรีบไปพบแพทย์

- อาการทางปอด ผู้ป่วยจะมีอาการมีอาการไอ เจ็บที่หน้าอก โดยที่ไม่มีสาเหตุ หรือหากตรวจแล้วพบว่า มีน้ำในปอด เนื้อเยื่อหุ้มปอดอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ไปจนถึงหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- อาการทางระบบประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการชัก แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง เครียด นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ มีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า เห็นภาพหลอน และมีปัญหาทางด้านความจำ
- อาการทางไต โรคภูมิแพ้ตัวเอง เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางเนื้อเยื่อ ภูมิคุ้มกันทำร้ายตัวเอง ผู้ป่วยด้วยโรคนี้มักจะมีอาการความดันสูงผิดปกติ ไตทำงานผิดปกติ ส่งผลทำให้เกิดอาการบวมน้ำ แขนขา มีอาการบวมมากผิดปกติจนสามารถสังเกตได้
โรคแพ้ภูมิตัวเอง เกิดจากอะไร? ทำไมถึงแพ้ภูมิตัวเอง
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) หรือบางคนอาจรู้จักในชื่อ โรคลูปัส โรคพุ่มพวง คือ โรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกเชื้อชาติ โดยจะพบมากในช่วงอายุระหว่าง 25 – 40 ปี และจะพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่ทางการแพทย์พอจะสามารถสันนิษฐานสาเหตุการเกิดโรคได้ ดังนี้ค่ะ
โรคแพ้ภูมิตัวเอง เกิดจาก
- พันธุกรรม ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้ โอกาสที่ลูกหลานคนในครอบครัวจะป่วยเป็นโรคนี้ก็มีมากขึ้น
- สภาพแวดล้อม ก็เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิด โรคภูมิแพ้ตัวเองได้เช่นกัน โดยปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่สำคัญก็คือแสงแดด เพราะจะเป็นตัวไปกระตุ้นทำให้โรคกำเริบขึ้นได้ เนื่องจากว่าแสงแดดที่ไปกระทบกับผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ DNA รวมถึงการติดเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่างๆ ก็จะไปกระตุ้นโรคนี้ได้เช่นกัน
- ฮอร์โมนเอสโตรเจน พบในเพศหญิง มีโอกาสที่จะกระตุ้นโรคนี้มากกว่าในเพศชาย ส่งผลทำให้ผู้หญิงมีโอกาสที่จะป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ตัวเอง หรือ โรค SLE สูงนั่นเอง
ไม่เคยแพ้ใครแต่ทำไมถึงเป็น โรคแพ้ภูมิตัวเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไม รักษาสุขภาพอย่างดีแล้ว แต่ยังสามารถเป็น โรค SLE ได้ นั่นก็เพราะว่าโรคนี้เป็นโรคที่เกิดจาก สภาวะร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานผิดปกติ ทำให้เกิดการต่อต้านร่างกายตัวเอง โดยเข้าไปต่อต้านเนื้อเยื่อ และเซลล์ต่าง ๆ ส่งผลทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในบริเวณนั้น ๆ

และอาการอักเสบเรื้อรังนี้ ส่งผลทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ ข้ออักเสบ ปอด หัวใจ ไต และระบบประสาท ได้รับผลกระทบจากการอักเสบดังกล่าวนี้ โรคแพ้ภูมิตัวเอง จัดว่าเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกเพศทุกวัยได้หมด ถ้าสภาวะร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานผิดปกตินั่นเอง
วิธีดูแลตัวเองหากป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง
หลายคนอาจจะสงสัยว่า โรคแพ้ภูมิตัวเองหายได้ไหม โรคภูมิแพ้ตัวเองจัดว่าเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะต้องดูแลตัวเองอย่างดี ให้ความร่วมมือในการรักษา ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

สรุป
โรคแพ้ภูมิตัวเอง จัดว่าเป็นโรคร้ายที่ไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคอย่างแน่ชัด ทำให้เราไม่สามารถหาวิธีป้องกันการเกิดของโรคนี้ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงควรดูแลสุขภาพ ให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคดังกล่าว ก็จะทำให้เราสามารถห่างไกลโรคนี้ได้