หนองใน หรือ หนองในแท้ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Gonorrhea (โกโนเรีย) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบได้มากถึง 50% และถือได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของกามโรคที่มีในปัจจุบันเลยทีเดียว หนองใน เกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ สามารถเติบโต และเพิ่มจำนวนได้ดีในเยื่อเมือกบุผิวของร่างกาย เช่น ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ทวารหนัก ลำคอ และตา หนองในสามารถเกิดได้ทั้ง หนองในผู้ชาย และหนองในผู้หญิง โดยเชื้อหนองในสามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่สวมถุงยางอนามัย ทางช่องคลอด ทางทวารหนัก หรือทางปาก รวมถึงการสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำอสุจิ น้ำหล่อลื่นช่องคลอด หรือเลือด
หนองใน มีทั้งหมด กี่ประเภท
หนองในแท้ (Gonorrhoea)
- เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae (N.gonorrhoeae) ซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมลบ รูปกลม อยู่เป็นคู่ มีเยื่อหุ้มเซลล์หนา เคลื่อนที่ได้โดยใช้แฟลกเจลลา พบได้บริเวณเยื่อเมือกบุผิวของร่างกาย เช่น ท่อปัสสาวะ ปากมดลูก ทวารหนัก ลำคอ และตา สามารถพบได้ทั้ง หนองในเพศชาย หนองในเพศหญิง และทารกแรกเกิด โดยเชื้อหนองในประเภทนี้ จะมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียประมาณ 1-10 วัน
หนองในเทียม (Chlamydia)
- หนองในเทียม หรือ Non Gonococcal Urethritis มีอาการคล้ายกับ โรคหนองในแท้ แต่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Chlamydia Trachomatis โดยเชื้อประเภทนี้ จะไม่ค่อยแสดง อาการหนองใน ที่ชัดเจน และมีระยะการฟักตัวของเชื้อแบคทีเรียนานกว่า 10 วันขึ้นไป แต่จะมีอาการที่รุนแรงน้อยกว่าหนองในแท้
หนองในส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 2 สัปดาห์ ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจน และจะมีอาการที่เห็นได้ชัดเมื่อเวลาผ่านไปตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งจากสถิติพบว่าผู้ป่วยเพศหญิงร้อยละ 50 และเพศชายร้อยละ 10 มักจะไม่แสดงอาการของโรค ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวจึงไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โดยการติดเชื้อหนองในที่บริเวณอวัยวะเพศของทั้งหญิง และชายจะมีอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
อาการของโรคหนองในที่ทั้งเพศชาย และหนองในผญ จะมีอาการคล้ายกัน หากติดเชื้อบริเวณทวารหนัก ในช่องคอ ดวงตา หรือข้อต่อ จะแสดงอาการแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ติดเชื้อ ดังนี้
- หนองในบริเวณทวารหนัก : มีอาการรู้สึกปวด หรือเจ็บ อาจมีของเหลวขับออกมาบริเวณทวารหนัก
- หนองในบริเวณลำคอ : มีอาการเจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต
- หนองในบริเวณดวงตา : มีอาการระคายเคืองที่ดวงตา ตาบวม มีของเหลวไหลออกจากดวงตา
- หนองในบริเวณข้อต่อ : บวมแดง รู้สึกปวดขณะเคลื่อนไหวบริเวณข้อต่อที่ติดเชื้อ
- หนองในผู้ชาย จะทำให้ขณะปัสสาวะมีอาการแสบขัด คือมีอาการปวด หรือแสบ บริเวณท่อปัสสาวะ โดยอาจมีอาการปวดแสบ ตั้งแต่บริเวณปากทางปัสสาวะไปจนถึงท่อปัสสาวะภายใน หนองใน อาการ นี้อาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือรุนแรงมาก และอาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกระปริบกระปรอย ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะมีเลือดปน หรือมีไข้ เป็นต้น
- หลังจากมีเพศสัมพันธ์ จะมีหนองเหลือง หรือเขียวไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ ถุงอัณฑะบวม อาการที่ถุงอัณฑะ (Scrotum) บวมขึ้นผิดปกติ มักเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน หรือค่อยเป็นค่อยไป ปลายหนังหุ้มอวัยวะเพศอักเสบ ปวด ฟกช้ำ บริเวณลูกอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง หรือมีของเหลวออกจากทวารหนัก
- หนองในที่ลำคอ (Peritonsillar Abscess) มักจะไม่แสดงอาการชัดเจน เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณต่อมทอนซิลที่อยู่ด้านหลังของลำคอ ทำให้เกิดหนองสะสมอยู่ภายในต่อมทอนซิล ซึ่งอาจทำให้ต่อมทอนซิลบวมแดง อักเสบ และมีอาการเจ็บคออย่างรุนแรง กลืนลำบาก มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ขณะปัสสาวะ มีอาการแสบขัด
- ตกขาว สีเหลือง หรือสีเขียวผิดปกติ
- มีของเหลวออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ
- ช่วงที่ไม่มีประจำเดือน มักมีเลือดออกจากช่องคลอด
- มีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน ในขณะมีเพศสัมพันธ์
- ช่วงมีประจำเดือน จะเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงมากกว่าชาย

ภาวะแทรกซ้อนของหนองใน
หนองในเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ ภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองในที่พบบ่อย ได้แก่
การติดเชื้อที่ลุกลาม เชื้อหนองในสามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ในร่างกาย เช่น ท่อปัสสาวะ มดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ เยื่อบุช่องท้อง กระดูกสันหลัง สมอง และข้อต่อ การติดเชื้อที่ลุกลามอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น
- ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ (PID)
- ภาวะข้ออักเสบจากการติดเชื้อหนองใน (Gonococcal arthritis)
- เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อหนองใน (Gonococcal meningitis) และ
- เยื่อบุหัวใจอักเสบจากเชื้อหนองใน (Gonococcal endocarditis)
ภาวะมีบุตรยาก การติดเชื้อ หนองในในผู้หญิง อาจทำให้เกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ (Endometritis) ซึ่งอาจทำให้ท่อนำไข่อุดตัน และเกิดภาวะมีบุตรยากได้ การติดเชื้อ หนองในในผู้ชาย อาจทำให้ท่อนำอสุจิอุดตัน และเกิดภาวะมีบุตรยาก ส่งผลกระทบต่อจิตใจ และความสัมพันธ์ของคู่สมรสได้
การติดเชื้อเอชไอวี การติดเชื้อหนองในทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น เนื่องจากเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น ผ่านแผลที่เกิดจากการติดเชื้อหนองใน
นอกจากนี้ โรคหนองในยังสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด การติดเชื้อที่ผิวหนัง และการติดเชื้อที่ตา วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคหนองใน คือ การเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที หากมีอาการของโรคหนองใน เช่น หนองไหลออกจากอวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด เจ็บบริเวณอวัยวะเพศ ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อหนองใน คือ การสัมผัสของเหลวในร่างกายของผู้มีเชื้อหนองใน เช่น เยื่อบุช่องคลอด องคชาต ทวารหนัก ช่องปาก ดวงตา ในช่องคอ รวมถึงอาจติดได้จากมารดาสู่ทารกในระหว่างการคลอดได้ ซึ่งปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เสี่ยงการติดเชื้อโรคหนองในคือ ผู้ที่ไม่มีสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ผู้ที่เคยติดเชื้อหนองใน หรือเคยติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ มาก่อน ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และผู้ที่ติดยาเสพติด

วิธีการป้องกัน และลดความเสี่ยงการติดหนองใน
- สวมถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่รู้จัก
- งดการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้ป่วยโรคหนองใน
- หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคหนองใน หรือ ผู้ที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำอย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี
หากมีอาการผิดปกติคล้ายอาการของโรคหนองในตามที่กล่าวมาข้างต้น หรือรู้แล้วว่า หนองในเกิดจาก สาเหตุใด ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ผู้ป่วยควรให้คู่นอนมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาด้วยเช่นกัน เนื่องจากโรคหนองในสามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ คู่นอนอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเป็นผู้แพร่เชื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยกลับมาเป็นหนองในซ้ำได้อีกครั้ง
แพทย์จะทำการรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดเพื่อลดการติดเชื้อ และตามด้วยการทานยาปฏิชีวนะแบบเม็ด ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 – 3 วัน และในส่วนของอาการปวดบริเวณเชิงกราน หรือลูกอัณฑะอาจใช้เวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งในระหว่างรับการรักษาผู้ควรพบแพทย์ตามการนัดหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจว่าเชื้อแบคทีเรียนั้นลดลง และไม่หลงเหลือในร่างกาย
ในกรณีทารกแรกเกิดที่ได้รับเชื้อหนองจากมารดาแพทย์จะให้ยาหยอดตากับเด็กที่คลอดออกมาทันทีเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้ออย่างทันทวงที หากเด็กมีอาการติดเชื้อรุนแรงมากขึ้นแพทย์จำเป็นต้องทำการรักษาด้วยปฏิชีวนะที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็น และลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้

ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคหนองใน?
- พาคู่นอนเข้ารับรักษาร่วมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดการติดเชื้อซ้ำได้
- งดการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างที่ทำการรักษาเป็นเวลา 2-4 สัปดาห์
- ควรรับการรักษาทุกกรณีไม่ว่าจะมีอาการรุนแรง หรือไม่ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
- กรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ได้ ต้องสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน ไม่ว่าช่องทางไหนก็ตาม
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระหว่างการรักษาหนองใน
- หากอาการยังไม่ดีขึ้น มีอาการคล้ายแพ้ยา หรือ มีอาการลุกลามเพิ่มมากขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพื่อวินิจฉัยซ้ำอีกครั้ง
- ควรเข้าพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาที่ดี
ปรึกษาสุขภาพ : 021 752 666
ที่ตั้ง : บ้านเขาย้อย อำเภอศรีสัตตนาค
นครหลวงเวียงจันทน์ (ใกล้วัดศรีเมือง)
นัดหมายออนไลน์ ลงทะเบียนฟรี รับสิทธิพิเศษในการดูแล