เรื่องควรรู้
- โรคสีดวงทวารเกิดได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย และเกิดได้บ่อยในช่วงอายุ 30-40 ปี เนื่องจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณรูทวาร
- ริดสีดวงแตกเกิดจากแรงดันภายในช่องท้องอาจเกิดจากการเบ่งอุจจาระมากเกินไป ทำให้เส้นเลือดที่โป่งพองอยู่แล้วพองยิ่งขึ้นจนแตกตัวในที่สุด หรืออาจเกิดจากก้อนอุจจาระที่แข็งจนเกินไป เมื่อมีการขับถ่าย ก้อนอุจจาระจะไปเสียดสีกับเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดแตกและมีเลือดไหลออกมา
- ถ้าริดสีดวงแตกแล้วมีเลือดไหลออกมามากกว่าปกติ อีกทั้งไม่หยุดไหลเอง ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจจะเกิดภาวะซีดจากการขาดเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ชีพจรเต้นเร็วและแรง หน้ามืด มือเท้าเย็น หรือเป็นลมไปได้
- สำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมาก หรือผู้ที่มีโรคแทรกซ้อน โรคประจำตัว หากริดสีดวงแตกควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อการดูแลรักษาที่ถูกต้อง
- หากริดสีดวงแตก ไม่แนะนำให้แช่น้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการปวด เนื่องจากความร้อนจะไปขยายหลอดเลือดบริเวณปากทวาร ทำให้เลือดยิ่งไหลมากขึ้น และยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อในกระแสเลือดจากน้ำที่แช่และจากภาชนะใส่น้ำได้อีกด้วย
ริดสีดวงทวารเกิดได้บ่อยในช่วงอายุ 30-40 ปี เนื่องจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดบริเวณรูทวาร หากก้อนริดสีดวงทวารแตกจะมีเลือดสดไหลซึมออกมาจากรูทวาร ทั้งในขณะนั่ง เดิน หรือยืนนาน หรือสามารถแตกได้ขณะขับถ่าย
ทั้งนี้หากเลือดสามารถหยุดไหลเองได้ก็ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้ามีเลือดออกมากจนเกิดภาวะซีด อ่อนเพลีย เหงื่อออกมาก และชีพจรเต้นเร็ว ควรรีบพบแพทย์ทันที

ริดสีดวงทวารคืออะไร?
โรคสีดวงทวารเกิดได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อบริเวณปากทวารที่มีลักษณะคล้ายฟองน้ำ เนื้อเยื่อนี้มีความยืดหยุ่นสูง ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทก หรือแรงเสียดสีระหว่างอุจจาระกับทวารหนัก และช่วยให้รูทวารปิดสนิท
เมื่อมีการขยายตัวของหลอดเลือดบริเวณทวารหนักจากการเบ่งถ่าย ท้องผูก หรือถ่ายบ่อยจากท้องเสีย หรือเมี่ออายุมากขึ้น จะทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณนั้นโป่งพอง เกิดก้อนเนื้อบวมเต่งที่ปากทวารหนักและเลื่อนออกมาจากรูทวาร จนทำให้มีเลือดปนออกมากับอุจจาระนั่นเอง
ริดสีดวงแตก เป็นเพราะอะไร อาการเป็นอย่างไร?
ริดสีดวงแตกเกิดจากแรงดันภายในช่องท้องอาจเกิดจากการเบ่งอุจจาระมากเกินไป ทำให้เส้นเลือดที่โป่งพองอยู่แล้วพองยิ่งขึ้นจนแตกตัวในที่สุด หรืออาจเกิดจากก้อนอุจจาระที่แข็งจนเกินไป เมื่อมีการขับถ่าย ก้อนอุจจาระจะไปเสียดสีกับเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดแตกและมีเลือดไหลออกมา
อาการที่มักจะพบได้บ่อยหลังจากที่ริดสีดวงแตกคือ มีเลือดไหลปริมาณมาก ไหลไม่หยุด และอาการเจ็บแสบบริเวณรูทวาร
ริดสีดวงแตกแบบไหนอันตราย ต้องรีบไปพบแพทย์?

ถ้าริดสีดวงแตกแล้วมีเลือดไหลออกมามากกว่าปกติ อีกทั้งไม่หยุดไหลเอง ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจจะเกิดภาวะซีดจากการขาดเลือด ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ชีพจรเต้นเร็วและแรง หน้ามืด มือเท้าเย็น หรือเป็นลมไปได้
ริดสีดวงแตกเป็นอาการของโรคริดสีดวงระยะสุดท้าย ที่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งสัญญาณเตือนที่จะทำให้รู้ว่ามีอาการริดสีดวงแตกได้แก่
- ถ่ายเป็นเลือดหรือมีเลือดไหลในปริมาณมากระหว่างขับถ่าย
- มีเลือดสีแดงสดๆ ไหลออกจากรูทวารหนักไม่หยุด
- คลำเจอก้อนแข็งๆตรงบริเวณทวารหนัก
- รู้สึกเจ็บ ปวด แสบบริเวณรูทวารหนักมากขึ้น
ริดสีดวงแตก รักษาอย่างไร?
ริดสีดวงแตกเป็นอาการที่ไม่ควรเกิดขึ้น เนื่องจากอาจทำให้มีเลือด หรือหนองไหลออกมาจนเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ เมื่อพบว่ามีอาการของริดสีดวงแตกควรทำการรักษาเบื้อต้นดังนี้
- ทานยายาริดสีดวง : ที่มีคุณสมบัติในการออกฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบ ปวด บวม ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เพื่อให้ขับถ่ายง่าย ป้องกันไม่ให้อุจาระเป็นก้อนแข็ง และช่วยทำให้หัวริดสีดวงยุบและ ฝ่อลง โดยเฉพาะตัวยาที่สกัดมาจากสมุนไพรที่ช่วยห้ามเลือด สมานแผล ลดอาการบวม ลดการอักเสบ ช่วยดีท๊อกซ์ลำไส้ ล้างสารพิษที่ตกค้าง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้ได้ดีในอนาคต
- แช่ในน้ำเย็นหรือประคบเย็นรอบทวารหนักที่มีสีดวงทวาร : หรือเพื่อลดการอักเสบ และความเย็นจะช่วยทำให้เลือดหยุดไหล แต่จะต้องใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และระมัดระวังเรื่องของสุขอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ (ไม่แนะนำให้แช่น้ำอุ่นเพราะจะทำให้หลอดเลือดมีการขยายตัวซึ่งจะทำให้เลือดไหลมากขึ้นกว่าเดิม)
- ใช้ผ้าอนามัยหรือผ้าสะอาดกดทับเบาๆ : เพื่อให้เลือดหยุดไหล และแนะนำให้ใส่ผ้าอนามัยเอาไว้ก่อนในช่วงแรก เพื่อช่วยป้องกันการเลอะ และป้องกันสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ให้สัมผัสกับแผลได้ ควรเลือกผ้าอนามัยมีปีก แบบกลางคืน เพราะแผ่นใหญ่ สามารถช่วยซึมซับเลือดที่ไหลออกมาได้ดี
- ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง : หากพบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น และยังมีเลือดออกมาก ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รักการรักษาด้วยการผ่าตัด หรือทำการรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป
การดูแลตัวเองหลังริดสีดวงแตก?

หลังพบว่าริดสีดวงแตก สิ่งแรกที่จะต้องทำคือดื่มน้ำให้มาก พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากริดสีดวงแตกอาจทำให้ร่างการอ่อนเพลียจากการเสียเลือดมาก จากนั้นหาผ้าสะอาดมากดทับเบาๆที่บริเวณริดสีดวงเพื่อเป็นการห้ามเลือด หากพบว่ายังมีเลือดไหลซึงอยู่แนะนำให้ทำการประคบเย็นตรงบริเวณแผล หรือนั่งแช่ในน้ำเย็น เพื่อช่วยให้เลือดหยุดไหล และเพื่อป้องกันการติดเชื้อแนะนำให้ล้างก้นด้วยสบู่ฆ่าเชื้อทุกหลังหลักการเข้าห้องน้ำ
นอกจากนี้ยังแนะนำให้ใช้สเปย์พ่นริดสีดวง พ่นบริเวณที่เป็นริดสีดวง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ปวด บวม คัน รอบทวาร ในระหว่างวัน ช่วยลดการระคายเคืองจากการเดิน การลุก-นั่ง ช่วยสมานเเผลให้เเห้งเร็ว เลือดหยุดไหล หัวติ่งริดสีดวงฝ่อเล็กลง และทำให้บริเวณติ่งริดสีดวงที่แตกรู้สึกสะอาด เย็นสบาย ซึ่งสเปย์พ่นริดสีดวงที่เลือกใช้ควรเป็นสูตรอ่อนโยนที่ไม่ระคายเคืองผิว
ความเชื่อแบบผิดๆของการทำให้ริดสีดวงแตก
คนไข้หลายคนมีความเชื่อแบบผิดๆว่าการทำให้ริดสีดวงแตกจะช่วยให้อาการเจ็บปวดต่างๆลดลง จนทำให้หลายๆคนบีบเพื่อให้หัวริดสีดวงแตก (ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ) เพราะการบีบให้ริดสีดวงแตกนั้นจะทำให้เลือดไหลไม่หยุด และเป็นการทำให้บริเวณทวารหนักมีแผลที่เปิดกว้าง จึงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดจากแบคทีเรีย จนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อาการริดสีดวงแบบไหนที่ควรไปหาหมอ?
จริงอยู่ที่อาการของริดสีดวงสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่ใช้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีอาการของโรคที่รุนแรงหรือมีอาการแซกซ้อนดังต่อไปนี้
- มีเลือดลดไหลออกมากหลังถ่ายอุจจาระทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืด วิงเวียนศรีศระ อาเจียน
- ทวารหนักเปียกแฉะจากเลือด หรือมีนองไหลทำให้รู้สึกคันที่ปากทวารหนัก และส่งกลิ่นเหม็น
- ริดสีดวงมีอาการอักเสบ ทำให้รู้สึกเจ็บ ปวด และบริเวณทวารหนักมีอาการบวมมาก
- คลำแล้วพบว่าก้อนริดสีดวงที่บริเวณทวารหนัก ซึ่งมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง หรือไม่สามารถดันกลับเข้าที่เดิมได้
- มีการรักษาด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่องแต่อาการยังไม่ดีขึ้น
ริดสีดวงแตกต้องผ่าตัดไหม
ริดสีดวงแตกเป็นอาการที่หลอดเลือดดำบริเวณทวารหนักที่โป่งพองจนแตก ทำให้มีเลือดปนหนองไหลออกมาขณะที่นั่งอยู่เฉยๆ และในขณะการขับถ่าย ถือเป็นภาวะที่รุนแรง และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นโดยส่วนมากแพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งสามารถทำได้ทั้งการผ่าตัดแบบปกติ และแบบ Stapled Hemorrhoidectomy
ริดสีดวงแตก กี่วันหาย?

หากเกิดริดสีดวงแตก และมีการรักษาเบื้องต้นไปแล้ว ระยะการรักษาจะขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยร่วมด้วยเช่น การหลีกเลี่ยงการเบ่งอุจจาระแบบแรงๆ การงดนั่งโถส้วมนานเกินไป การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาความสะอาดของบาดแผล ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ แต่ที่สำคัญจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา หรือติดตามอาการอย่างเคร่งครัด
สรุป
หลายคนอาจเข้าใจว่าริดสีดวงแตก เป็นอาการที่แสดงว่าริดสีดวงนั้นใกล้จะหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเพราะความจริงแล้ว อาการริดสีดวงแตกนั้นเป็นอาการในระยะสุดท้ายของริดสีดวง ที่มีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่รีบทำการรักษา และมีผลสำรวจพบว่าหลังจากที่ริดสีดวงแตกมีจำนวนผู้ป่วยมากกว่า 50% ที่ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด และนอกจากนี้ริดสีดวงอาจมีหลายหัวซึ่งสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อีก ดังนั้นจึงขอแนะนำให้รีบทำการรักษาริดสีดวงตั้งแต่เนิ่นๆในระยะเริ่มต้น เพื่อให้หายขาดจากการเป็นโรคริดสีดวงได้โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ให้เสียค่าใช้จ่ายแพงๆ
☎️ ปรึกษาสุขภาพ : 021 752 666
📍 ที่ตั้ง : บ้านเขาย้อย อำเภอศรีสัตตนาค
นครหลวงเวียงจันทน์ (ใกล้วัดศรีเมือง)
💡 นัดหมายออนไลน์ ลงทะเบียนฟรี รับสิทธิพิเศษในการดูแล